มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงถือเป็นต้นกำลังที่สำคัญมากอย่างหนึ่งของโรงงานอุตสาหกรรมในขณะนี้
(https://fms.co.th/wp-content/uploads/2024/11/Picture25.png)
คุณลักษณะเด่นหลักๆของมอเตอร์ประเภทนี้เป็นสามารถปรับความเร็วได้ตั้งแต่ระดับต่ำสุดไปจนสูงสุดโดยมักใช้กับระบบอุตสาหกรรม เช่น โรงงานทอผ้า, โรงงานผลาญโลหะ, โรงงานเส้นใยโพลีเอสเตอร์ ดังนี้ก่อนที่จะไปกระทำใช้งานมอเตอร์กระแสไฟฟ้าประเภทนี้ พวกเราจำเป็นจะต้องรู้จักกับอุปกรณ์ต่างๆรวมทั้งแนวทางการทำงานให้ถูกหลักด้วยเพื่อจะได้เลือกใช้งานได้อย่างแม่นยำ
ส่วนประกอบของ มอเตอร์ไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสตรง
1. เฟรมหรือโยค (Frame or Yoke) : เป็นโครงข้างนอกเปรียบ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง ทางเดินของแม่เหล็กจากขั้วเหนือไปขั้วใต้ ช่วยยึดองค์ประกอบอื่นๆให้แข็งแรง
2. ขั้วแม่เหล็ก : จะมี 2 ส่วน เป็นแกนขั้วแม่เหล็กกับขดลวดสนามไฟฟ้า
3. ตัวหมุน (Rotor) : จะก่อให้กำเนิดกำลัง ลักษณะมีแกนวางอยู่ตรงลูกปืน ประกอบไปด้วย 4 ส่วนสำคัญๆคือ แกนเพลา, แกนเหล็กอเมเจอร์, คอมมิวเตเตอร์ และก็ขดลวดอเมเจอร์
4. แปรงถ่าน : ทำมาจากคาร์บอนทรงสี่เหลียมผืนผ้า จำเป็นต้องสัมผัสกับซีคอมมิวเตเตอร์ตลอดระยะเวลาเพื่อรับกระแสไฟฟ้าพร้อมที่จะจัดส่งระหว่างขดลวดอเมเจอร์กับวงจรไฟฟ้าข้างนอก
ลักษณะการทำงานเบื้องต้นของ มอเตอร์กระแสไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสตรง
พอแรงดันไฟฟ้าเข้าไปยังมอเตอร์ ส่วนหนึ่งส่วนใดจะเข้าแปรงถ่านผ่านคอมมิวเตเตอร์ต่อเข้าไปยังขดลวดอเมเจอร์เพื่อสร้างสนามแม่เหล็กขึ้นมา ในตอนที่ไฟฟ้าอีกส่วนจะไหลไปยังขดลวดสนามแม่เหล็ก มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง เกิดเป็นขั้วเหนือ-ขั้วใต้ ก่อให้เกิดสนามไฟฟ้า 2 สนาม โดยคุณลักษณะของแม่เหล็กแนวทางตรงกันข้ามจะหักล้างกัน ส่วนทิศทางเดียวกันเสริมแรงกันเกิดเป็นแรงบิดในตัวอเมเจอร์หมุนได้เรียกว่าตัวหมุนหรือ Rotor ด้วยแม่เหล็กทั้งสองที่เกิดปฏิกิริยาต่อกัน ทำให้การหมุนดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเกิดขึ้น เพื่อทำให้มอเตอร์กระแสไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสตรง สามารถใช้งานได้นั่นเอง
มอเตอร์กระแสไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส
เป็นมอเตอร์ที่ได้รับความนิยมมากมายในหมู่โรงงานอุตสาหกรรม ใช้กับระบบไฟฟ้ากระแสสลับ การใช้แรงงานรากฐานเป็นแปลงพลังงานไฟฟ้าให้แปลงเป็นพลังงานมายากล ส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่เปลี่ยนแปลงพลังงานไฟฟ้าคือขดลวดในสเตเตอร์ เมื่อได้รับพลังงานไฟฟ้าก็จะสร้างสนามไฟฟ้าขึ้น รวมทั้งจะไปกระตุ้นให้เกิดการเหนี่ยวนำของไฟฟ้าขึ้นในขดลวดของโรเตอร์ หรือ เรียกว่าตัวหมุน ซึ่งคือส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่ให้พลังงานกลนั่นเอง จึงทำให้มีการเรียกมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับว่ามอเตอร์เหนี่ยวนำ
สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ
1. มอเตอร์กระแสไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสสลับแบบอินดักชั่น หรือ รั้งนำ– จะมีความเร็วพร้อมรอบคงที่ เนื่องด้วยขึ้นกับความถี่ของแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ส่วนประกอบไม่ค่อยสลับซับซ้อน ราคาไม่แพง บำรุงรักษาง่ายเนื่องจากว่าไม่มีคอมไม่วเตเตอร์กับแปรงถ่านเสมือนมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (https://fms.co.th/%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%95/) เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องควบคุมความเร็วอินเวอร์เตอร์ก็จะสามารถคุมความเร็วได้ตั้งแต่0 ถึง ความเร็วสูงสุดของมอเตอร์
ภายในประกอบไปด้วยโรเตอร์, ขดลวดสนามแม่เหล็ก, มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง โครงมอเตอร์, ขั้วต่อสาย, ฝาครอบหัว, ฝาครอบท้าย สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทสำคัญๆอย่างเช่น อินดิกชั่นมอเตอร์แบบทรงกระรอกกับอินดิกชั่นมอเตอร์แบบขดลวด การใช้แรงงานขึ้นกับความเหมาะสมของเครื่องจักร
2. มอเตอร์กระแสไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสสลับแบบซิงวัวรนัส– จะเป็นมอเตอร์ขนาดใหญ่ขนาดพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ 150 KW ไปจนถึง 15 MW ระดับความเร็วตั้งแต่ 150 – 1,800 RPM มีส่วนประกอบสำคัญ 2 ส่วนเป็น
- สเตเตอร์ (Stator) จะเป็นเช่นเดียวกับแบบอินดักชั่น มีร่องพันขดลวด 3 ชุด เฟสละ 1 ชุด พอจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสให้สเตเตอร์จะเกิดสนามไฟฟ้าหมุนขึ้นมา
- โรเตอร์ (Rotor) ลักษณะเป็นขั้วแม่เหล็กยื่น ขดลวดพันข้างๆขั้วแม่เหล็กที่ยื่นออกมาโดยจะพันยื่นต่อกับแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้ากระแสตรงข้างนอกไม่ก็สร้างขั้วแม่เหล็กตรงโรเจอร์ เมื่อมีการจ่ายไฟมายังสเตเตอร์จะเกิดเป็นสนามแม่เหล็กหมุนความเร็วเท่ากับความเร็วของสนามแม่เหล็ก มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง ตรงสเตเตอร์นั่นเอง
เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://fms.co.th/ชวนทำความรู้จักกับมอเต/ (https://fms.co.th/%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%95/)